เมื่อฝนตก น้ำฝนที่ตกถึงพื้นดินจะหายไปได้ ๓ ทางคือ (๑) รากพืชดูดน้ำ
ขึ้นไปตามลำต้น แล้วระเหยเป็นไอน้ำที่ใบเข้าสู่บรรยากาศ (๒) น้ำไหลไปตาม
ผิวดินลงสู่ร่องน้ำ ลำธาร และแม่น้ำลำคลอง (๓) น้ำไหลซึมลงในดินกลายเป็น
น้ำใต้ดิน
          น้ำใต้ดินเป็นน้ำที่ค่อย ๆ ซึมลงไปในดินอย่างช้า ๆ ผ่านช่องโหว่ในดิน
หรือรอยแตกในดินและรูพรุนในดิน น้ำเช่นนี้บางทีก็ลงไปลึกจากผิวดินได้หลายร้อย
เมตร น้ำใต้ดินจะลงไปขังอยู่ตามแนวหิน ในที่บางแห่งมีน้ำใต้ดินซึ่งเป็นน้ำบริสุทธิ์
ขังอยู่ในชั้นหินจนเป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ก็มี ด้านบนของบริเวณที่อิ่มตัว
ของน้ำเช่นนี้เรียกว่า "ชั้นน้ำใต้ดิน" น้ำใต้ดินมักจะซึมต่ำลงไปแปรรูปเป็นน้ำพุ
น้ำใต้ดินอาจทำให้ชั้นหินใต้ดินพังทลายได้เช่นเดียวกับน้ำที่อยู่บนผิวดิน ที่ใด
ที่ก้อนหินเป็นหินปูน น้ำซึ่งมักจะมีคาร์บอนไดออกไซด์ปนอยู่ด้วยจะค่อย ๆ ละลาย
เนื้อหิน และจะซึมผ่านรอยแตกของหินทำให้รอยแตกนั้นขยายกว้างยิ่งขึ้น จนในที่สุด
ก็กลายเป็นถ้ำขนาดใหญ่
 
          น้ำพุ
          น้ำพุ คือน้ำใต้ดินที่ไหลกลับขึ้นมาที่ผิวโลก
ตามธรรมชาติ อาจไหลขึ้นมาตลอดเวลาช้า ๆ
ขังอยู่ในบ่อ เรียกว่า บ่อน้ำพุ หรือพุ่งขึ้นมา
อย่างแรงเป็นน้ำพุสูงขึ้นไปในอากาศก็ ได้
น้ำที่ไหลขึ้นมานั้นถ้าเป็นน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำ
กว่าอุณหภูมิของร่างกายมนุษย์เรียกว่า "พุน้ำเย็น"
แต่ถ้ามีอุณหภูมิสูงกว่าเรียกว่า "พุน้ำร้อน"ดังเช่น
บ่อน้ำพุร้อนที่อุทยานแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง
ซึ่งมีอุณหภูมิสูง ๘๐ องศาเซลเซียส

     ๑   |